รับผลิต กระบอกน้ำพรีเมี่ยม สกรีนโลโก้

Q: สั่งผลิตกระบอกน้ำมีขั้นต่ำไหม?

A: ถ้าเป็นกระบอกน้ำเปล่าไม่สกรีน เราจำหน่ายขั้นต่ำที่ 10 ใบ แต่ถ้าต้องการสกรีนโลโก้เราสามารถผลิตให้ได้ที่ขั้นต่ำ 100 ใบ

Q: ระยะเวลาการสั่งผลิตนานแค่ไหน?

A: เราสามารถส่งด่วนให้ได้ภายใน 1 วันสำหรับกระบอกน้ำสต็อกแบบไม่สกรีนโลโก้ แต่ถ้าต้องการสกรีน เราทำให้ได้ภายใน 3-7 วัน

Q: นอกจากกระบอกน้ำสต็อกแล้ว สามารถสั่งผลิตใหม่ได้ไหม?

A: ได้ ถ้าลูกค้ามีเวลาสำหรับการผลิตให้เรา จะทำให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบได้หลากหลายมากขึ้น เราสามารถนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศตามแบบที่ลูกค้าต้องการได้ แต่ต้องทราบว่าการนำเข้าอาจจะต้องใช้เวลามากถึง 30 วัน

Q: ถ้าไม่มีไฟล์สำหรับการทำโลโก้ จะทำอย่างไร?

A: เราออกแบบให้ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายตามจริง ชำระก่อนออกแบบ และในกรณีที่สั่งผลิตกับเรา สามารถนำค่าออกแบบหักเป็นส่วนลดกับสินค้าได้ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

Q: คิดค่าขนส่งไหมอย่างไร?

A: ค่าขนส่งจะไม่คิดในกรณีส่งในพื้นที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี นอกเหนือพื้นที่เหล่านี้เราจะคิดค่าขนส่งตามจริง โดยลูกค้าสามารถเลือกชำระค่าขนส่งที่ปลายทางได้กับบริษัทขนส่งได้เลย และในบางครั้งอาจจะมีช่วงโปรโมชั่นส่งฟรีทั่วประเทศ สามารถติดต่อสอบถามกับทางที่ปรึกษาการขายได้เลยค่ะ

Q: หากพบเจอปัญหาเกี่ยวกับสินค้าต้องทำอย่างไร?

A: โดยปกติจะมีการรับประกันสินค้าให้ลูกค้าทุกชิ้น ลูกค้าสามารถตรวจสอบความผิดปกติของสินค้าได้ภายใน 7 วัน ในกรณีที่พบปัญหาหลังจากนั้น สามารถติดต่อเราเพื่อทำการแก้ไขได้โดยพิจารณาเป็นรายกรณีไป

Q: ขั้นตอนการชำระเงินเป็นอย่างไร?

A: ก่อนทำการผลิตจ่ายมัดจำก่อน 30-50% ตามจำนวนยอดรวม ก่อนส่งสินค้าเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งเพื่อชำระส่วนที่เหลือ และในกรณีหน่วยงานที่ต้องการเครดิตสามารถติดต่อที่ปรึกษาการขายเป็นรายกรณีไป

หลายๆคนคงคิดว่าการจัดหาสินค้าพรีเมี่ยมก็คงเป็นงานที่ง่าย ๆ เหมือนการจับแพะชนแกะแน่ ๆ แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าถ้างานง่ายแบบนั้นทำไมยังมีปัญหาการทิ้งงาน หรือได้งานที่ไม่ตรงตามสเป็กจากผู้ผลิตสินค้าพรีเมี่ยมอยู่ล่ะ

จริง ๆ แล้วต้องบอกว่ากว่าจะได้สินค้าพรีเมี่ยมที่สวยงามและมีคุณภาพมา เราเองต้องจัดก่ารกับกระบวนการหลายขั้นตอนบวกกับความพิถีพิถันมากมายเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่การเฟ้นหาและสะสมความสัมพันธ์กับโรงงานมากมายหลากหลายที่ เราไม่สามารถใช้โรงงานผู้ผลิตเดียวได้เพราะแต่ละโรงงานก็จะมีความถนัดทางเทคนิคที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะผลิตสินค้าชนิดเดียวกันก็ตาม

นอกจากนั้นหากเราต้องการสั่งผลิตสินค้าจากโรงงานใหม่ ๆ เรายังต้องมีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพด้วยตัวเราเองต้องเดินทางทั่วประเทศเพื่อค้นหาโรงงานที่มีความชำนาญในสินค้าที่หลากหลายเพื่อที่จะหาสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ถ้าเป็นโรงงานที่ต่างประเทศยิ่งเพิ่มความยุ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่าเพราะนอกจากต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปเฟ้นหาสินค้าจากหลายที่แล้วเรายังต้องมีทีมงานที่อยู่ในต่างประเทศที่จะคอยตรวจสอบคุณภาพก่อนออกจากโรงงานให้แก่เรา นอกจากนั้นการนำเข้ายังมีความยุ่งยากในเรื่องของการขนส่ง การคิดค่าระวางเรือ การคิดค่าภาษีนำเข้า การอ่านพิกัดสินค้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องมีความเชี่ยวชาญและใช้ความเข้าใจเพื่อที่จะลดต้นทุนในส่วนนี้ให้ได้มากที่สุด

เมื่อได้สินค้ามาแล้วเรายังต้องนำมาคิดต่อว่าสินค้านี่จะเหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มใดบ้าง และจะนำมาออกแบบต่ออย่างไรให้มีความสวยงาม และสินค้าแต่ละประเภทก็มีการพิมพ์โลโก้ที่ต่างกันไปมากมาย ถ้าสินค้าเป็นผ้าก็มีเทคนิคการทำโลโก้หลายแบบไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์แบบซิลค์สกรีน ออฟเซต พาติซอล หรือซับบริเมนชั่น ฯลฯ ถ้าเป็นสินค้าพื้นผิวอื่น ๆ เช่นโลหะพลาสติก หรือไม้ ก็จะมีเทคนิคการทำโลโก้อีกหลายแบบ เช่น ซิลค์สกรีน เลเซอร์ พ่นทราย ปั๊มจม ปั๊มนูน ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ต้องมีความชำนาญในการดูโลโก้ว่าเหมาะสมกับเทคนิคใด และต้องติดต่อกับโรงงานใด

ขั้นตอนสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือการทำบรรจุภัณฑ์ สินค้าพรีเมี่ยมจะดูดีได้แพคเกจจิ้งมีส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง การทำแพคเกจจิ้งก็มีหลายแบบ ทั้งการทำกล่องลูกฟูก ทำเสื้อสวมกล่อง การทำกล่องจั่วปัง การทำโฟมไดคัท ฯลฯ นี่ยังไม่รวมเรื่องเทคนิคการพิมพ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนมากทีเดียว และเมื่อตัดสินใจสั่งผลิตแล้วยังต้องเสี่ยงกับของเสีย โดยเฉพาะการสั่งของจากประเทศจีนหรือจากร้านที่ไม่ได้จดทะเบียนบริษัทที่ได้มาตรฐานเพราะการเคลมสินค้าถือว่าเป็นไปไม่ได้เลย